ยุคนี้ใคร ๆ ก็ต้องบุกตลาดออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจ B2B หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่น่าจะต้องพึ่งพาการหาลูกค้าด้วยวิธีนี้ นั่นเพราะกว่าครึ่งช่วงเวลาแห่งชีวิตของทุกคนโลดแล่นอยู่บนโลกออนไลน์ และการทำ Online Marketing ไปพร้อม ๆ กับกำหนดให้ใช้จ่ายผ่านออนไลน์ ยังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะมุ่งวางแผนการตลาดออนไลน์อย่างดีแล้ว หลาย ๆ ธุรกิจก็ยังต้องประสบปัญหายอดขายตกอยู่ดี หากคุณเองก็กำลังพบกับปัญหาเช่นนี้ ลองมาดูวิธีแก้ยอดขายตก
1. เช็กข้อมูล Insights ของลูกค้า
คุณอาจจะรู้ว่ายอดขายตก เนื่องจากรายได้สุทธิที่ได้จากการขายออนไลน์ลดลงไป แต่คุณจะไม่ทราบว่ายอดขายดังกล่าวลดลงไปเพราะอะไร หรือ ลดจากลูกค้ากลุ่มใด หากปราศจากการเช็กข้อมูล Insights หลังบ้าน ดังนั้น แนะนำให้ลองเช็ก Insights จากทุก ๆ แพลตฟอร์มที่เปิดขาย ว่าปัจจุบัน Engagement ของแต่ละช่องทางยังเหมือนเดิมหรือลดลง รวมถึงเช็กการสั่งซื้อ ว่ามักจะมาจากลูกค้ากลุ่มใด สั่งซื้อผ่านช่องทางใด และมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก 3-6 เดือนก่อนหน้านี้
2. เช็กกระแสตอบรับจากลูกค้า
บางครั้งการที่ยอดขายตกอย่างไม่ทราบสาเหตุในระยะเวลาอันสั้น หากตรวจสอบแล้วว่าการดำเนินการทุกอย่างยังปกติดี สินค้าจากโกดังยังคงถูกส่งให้กับหน้าร้านอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีขาดตกบกพร่อง ก็อาจจะมาจาก “ข่าวลือในเชิงลบ” หรือ “ฟีดแบคด้านการบริการและคุณภาพ” ที่แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ เช่น พนักงานตอบข้อความด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพจนสร้างความไม่พอใจ หรือมีลูกค้าพบวัตถุแปลกประหลาดปะปนในสินค้า และโพสต์รูปลงในอินเทอร์เน็ต เป็นต้น คุณจึงควรตรวจสอบประเด็นเหล่านี้เป็นประจำผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
3. เช็กความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง
บางทีความผิดพลาดอาจไม่ได้มาจากคุณ แต่การที่ยอดขายตกลงไปชั่วครู่อาจมาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หรือ คู่แข่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่เบนความสนใจของผู้บริโภคออกไปชั่วคราว ซึ่งกรณีหลังนี้ แม้จะอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่คุณก็สามารถสืบดูแนวโน้มและคิดหาทางแก้เกมได้ เพื่อช่วงชิงพื้นที่ทางการตลาดของตัวเองกลับมา
4. จัดโปรโมชันส่งเสริมการขายในระยะเวลาจำกัด
วิธีแก้เกมเมื่อยอดขายตกที่หลาย ๆ ธุรกิจนิยมใช้ และต้องยอมรับว่าได้ผลดีที่สุด ก็คือการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย หรือ การลด แลก แจก แถม ที่ผู้บริโภคคุ้นเคย ทั้งนี้ มีข้อแนะนำเล็กน้อยสำหรับการจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค นั่นคือ จะต้องเป็นโปรโมชันที่จัดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ และจะต้องผ่านการสำรวจข้อมูลมาแล้วว่า ยอดขายของผลิตภัณฑ์ใดกำลังตก สมควรที่จะนำมาจัดโปรโมชันเพื่อดึงยอดขึ้น หลีกเลี่ยงการจักแคมเปญลดทับซ้อนกับโปรโมชันอื่น ๆ เพราะนอกจากจะสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภคแล้ว อาจทำให้กำไรโดยรวมลดน้อยลงไปอีกก็เป็นได้
5. ลองทำงานร่วมกับ Influencer เพื่อดึงยอดขายให้สูงขึ้น
Influencer Marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหายอดนิยมของคนทำการตลาดออนไลน์ แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อว่าจ้าง Influencer รายใหญ่ เพราะคุณสามารถบริหารจัดการให้เหมาะสมได้ เช่น ว่าจ้าง Influencer เบอร์กลาง ๆ เอาไว้ 1-2 คน เพื่อโพสต์รูปลง Instagram หรือโพสต์กระทู้ลงบนเว็บบอร์ด แล้วว่าจ้าง Nano Influencer ให้ไปคอมเมนต์ตอบใต้รูปหรือใต้กระทู้เหล่านั้น วิธีนี้นอกจากจะเป็นการสร้างโครงข่ายการสื่อสารให้มีผู้คนมองเห็นสินค้าของคุณมากขึ้นแล้ว ยังเป็นกลยุทธ์การบริหารจัดการ Influencer ที่เอเจนซี่การตลาดนิยมใช้กันอีกด้วย
6. พยายามค้นหาช่องทางการขายใหม่ ๆ สำรองไว้
การเปิดธุรกิจบนช่องทางออนไลน์นับวันจะยิ่งมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น และแต่ละแพลตฟอร์มก็มีข้อจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของ Algorithm การจำกัดคำต้องห้ามหรือสินค้าต้องห้าม และการปิดกั้นการมองเห็น ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นมักมีบทบาทสำคัญต่อยอดขาย เราจึงแนะนำให้คุณสำรวจช่องทางใหม่ ๆ ในการขายสินค้าสำรองไว้ตลอดเวลา เพื่อคอยรับมือในกรณีที่ไม่สามารถใช้งานบนแพลตฟอร์มเดิมได้
สรุป
“ยอดขายตก” เป็นปัญหาที่คนค้าขายต้องเจออยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยปัจจัยเหนือการควบคุมมากมาย ทั้งจากตัวลูกค้า คู่แข่ง และแพลตฟอร์ม คุณจึงควรตั้งรับกับทุกสถานการณ์ และบริหารจัดการยอดขายให้เสถียรอยู่ตลอดเวลา
สอนสร้างธุรกิจ: วิธีรับมือ เมื่อทำการตลาดออนไลน์แล้วยอดขายตก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/
