ผู้เขียน หัวข้อ: การจัดฟัน มีกี่แบบ ขั้นตอนอะไรบ้าง?  (อ่าน 189 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 367
    • ดูรายละเอียด
การจัดฟัน มีกี่แบบขั้นตอนอะไรบ้าง? ใครควรรักษาโดยการจัดฟัน?

เสริมสร้างบุคลิกภาพ มั่นใจทุกรอยยิ้ม เรียงฟันสวย ช่วยให้คุณดูดีได้ด้วยการจัดฟัน(Orthodontics)

ฟันที่สวยงาม นอกจากจะทำให้คุณมีภาพลักษณ์และบุคลิกที่ดี ช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในทุกย่างก้าวของชีวิตแล้ว ส่วนสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม คือปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพ โดยเฉพาะปัญหาการเรียงฟันหรือการสบฟันที่ผิดปกติ อาจส่งผลไปถึงระบบอื่นๆของร่างกาย เช่น ระบบการย่อยอาหาร เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยปละละเลย และทำให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังสำหรับชีวิตคุณ

การจัดฟัน (Orthodontics) เป็นวิธีการหนึ่ง ที่สามารถช่วยให้คุณจัดระเบียบฟันให้สวยงาม และสามารถจัดระบบชีวิตของคุณให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นได้อีกด้วย


การจัดฟัน คืออะไร?

การจัดฟัน คือ หนึ่งในการรักษาทางทันตกรรม ที่นำอุปกรณ์หรือเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ มาช่วยในการจัดเรียงรูปฟันและขากรรไกรที่เรียงตัวผิดปกติ โดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะเป็นผู้วางแผนการรักษา เพื่อเคลื่อนฟันไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม โดยใช้แรงในทางฟิสิกส์เข้าช่วย การจัดฟันจะต้องมีการวางแผนและอาจใช้ระยะเวลาระยะหนึ่งในการรักษา แต่ผลลัพท์ที่ได้นั้นจะเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของคุณไปในทุกด้านอย่างแน่นอน
สัญญาณเตือนภัยในการจัดฟัน- การรักษาโดยการจัดฟันนั้นเหมาะกับคุณหรือไม่?

คุณควรรักษาโดยการจัดฟันหรือไม่? คำถามนี้ควรตอบโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากทันตแพทย์จะช่วยคุณในการวิเคราะห์ปัญหาจากประวัติการรักษา อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นและมีการวิเคราะห์โดยการใช้เครื่องเอกซเรย์ ซึ่งจะทำให้เห็นต้นตอของปัญหาที่แท้จริง สามารถนำเสนอทางเลือกในการรักษาที่ถูกต้อง และเกิดประสิทธิผลมากที่สุดอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถแยกแยะและอภิปรายปัญหา หรืออาการที่ผิดปกติ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการจัดฟัน ดังต่อไปนี้

   
1. ปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ(Malocclusions):
     
    โดยปกติแล้ว การสบฟันที่ดี คือการที่ฟันเรียงตัวกันอย่างถูกต้อง เหมาะสม ฟันล่างและฟันบนจะต้องสบเข้าคู่กัน เรียงตัวกันชิดไม่มีช่องว่าง ฟันหน้าบนสามารถยื่นครอบลงมากับฟันหน้าล่าง โดยสมมาตรไม่เกิน 1 มิลลิเมตร
    ดังนั้น การสบฟันผิดปกติหมายถึงอาการผิดปกติที่ฟันบน หรือฟันล่าง ยื่นออกมาเกินขอบเขตที่ควรจะเป็น(เช่น อาการฟันยื่น (Protruding Teeth), ฟันสบคร่อม ฟันล่างคร่อมฟันบน (Cross Bite), ฟันสบลึก (Deep Bite) เป็นต้น) อาการเหล่านี้จะทำให้เกิดเป็นรูปแบบของฟันคร่อมกันอย่างผิดรูปแบบ ผิดธรรมชาติการสบฟันที่ผิดปกตินั้น นอกจากจะทำให้ภาพลักษณ์ภายนอกดูไม่สวยงาม ไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ทางกายภาพ ยังทำให้เกิดปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร และส่งผลไปสู่ระบบการย่อยอาหารอีกด้วย ดังนั้น การสบฟันที่ผิดปกติเป็นอาการที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง หากไม่รีบแก้ไข อาจต้องใช้เวลาในการรักษาที่ยาวนานยิ่งขึ้นและมีความยากในการรักษา
   

2. ปัญหาฟันซ้อน (Crowding):
     
    ปัญหาฟันซ้อน เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่ฟันเรียงตัวกันไม่เป็นระเบียบ หรืออาจมีจำนวนฟันเพิ่มมากกว่าปกติ ปัญหานี้จะทำให้เกิดความยากในการดูแลทำความสะอาด ก่อให้เกิดเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหาร และสร้างปัญหาอื่นๆตามมา เช่น อาการเหงือกอักเสบ ฟันผุ เป็นต้น นอกจากนี้ ฟันซ้อนยังทำให้เป็นจุดนำสายตาของผู้พบเห็น ทำให้ไม่มั่นใจในการพูดคุยหรือการยิ้ม จึงควรได้รับการแก้ไขและรักษาอย่างถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ
   

3.  ปัญหาฟันห่าง (Spacing):
     
    ปัญหาฟันห่าง คือ การที่ฟันเรียงตัวกันผิดปกติ โดยปกติแล้วฟันแต่ละซี่จะต้องอยู่พิงและชิดกันกับฟันซี่ข้างๆ แต่เมื่อเกิดปัญหาช่องว่างระหว่างฟันขึ้นนั้น นอกจากจะทำให้ฟันดูไม่สวยงาม เรียงตัวกันไม่เป็นระเบียบแล้ว ยังสามารถทำให้เกิดปัญหาในการรักษาความสะอาด เนื่องจากช่องว่างในบริเวณดังกล่าว จะถูกเติมเต็มไปด้วยเศษอาหารที่ยากต่อการขจัดออก มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาเหงือกอักเสบ หรือฟันผุได้อย่างมาก นอกจากนี้ ปัญหาฟันห่าง ยังเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการพูด เพราะจะทำให้พูดได้ไม่ชัดเจน สร้างความรำคาญเพราะอาจเกิดน้ำลายกระเด็นระหว่างการพูดได้อีกด้วย
   

4. ปัญหาฟันขึ้นไม่ครบ หรือการสูญเสียฟันแท้จากอุบัติเหตุ(Missing Teeth):
     
    ปัญหาฟันแท้ขึ้นไม่ครบนั้น อาจเกิดขึ้นได้ในเด็กที่มีฟันแท้ แต่อาจมีไม่ครบ โดยฟันที่หายไปอาจถูกฝังอยู่ในบริเวณขากรรไกร ในกรณีนี้ ทันตแพทย์จะใช้การจัดฟันในการดึงฟันแท้ขึ้นมา เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต เช่น ปัญหาฟันหลอ ซึ่งจะต้องใช้การใส่ฟันปลอมหรือรากเทียมในการช่วยเหลือ หรือในกรณีของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียฟันแท้ไป ก็สามารถใช้วิธีการจัดฟันในการช่วยเหลือรักษาได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาวิธีการรักษาควรอยู่ในดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
   


5. ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร (TMJ:Temporomandibular Joint Disorder):
     
    ความผิดปกติในการสบฟัน ในหลายครั้งอาจมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องร่วมมาจากความผิดปกของข้อต่อขากรรไกร สังเกตได้จากภาวะร่วมเช่นรูปหน้าที่เบี้ยว ไม่สมส่วน หรือลักษณะที่มีคางยื่นออกมาผิดปกติ เป็นต้น โดยอาการที่เกิดขึ้นจากข้อต่อขากรรไกรผิดปกตินี้ ก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ เช่น อาจเกิดภาวะขากรรไกรค้าง คือ ไม่สามารถอ้าปาก หรือหุบปากได้ในระยะเวลาหนึ่ง หรือมีการปวดบริเวณขากรรไกรอย่างรุนแรง มีปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร เป็นต้น

การรักษาโดยการจัดฟันอาจช่วยได้ในบางกรณีที่ไม่ร้ายแรงมากนัก หากแต่บางกรณีอาจต้องใช้การผ่าตัดข้อต่อขากรรไกรในการรักษาควบคู่ไปด้วย ในกรณีนี้ ผู้เข้ารับการรักษาควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อวิเคราะห์และวางแผนการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป


การจัดฟัน ทำให้สวยได้โดยไม่ต้องศัลยกรรมจริงหรือ?

คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่ได้ยินบ่อยครั้ง เนื่องจากหลายคนมีความเชื่อที่ว่า การจัดฟันจะทำให้รูปหน้าเกิดความสวยงาม มีความเรียวกระชับและแลดูเล็กลง บางความเชื่อยังระบุว่า การจัดฟันจะช่วยให้ดั้งจมูกโด่งขึ้น โดยไม่ต้องไปเจ็บตัวผ่าตัดทำศัลยกรรมใดๆ ความเชื่อนี้ จริงหรือไม่?

แท้ที่จริงแล้ว วัตถุประสงค์ของการรักษาโดยการจัดฟันนั้น สามารถช่วยให้ฟันเกิดการเรียงตัวกันอย่างเหมาะสมถูกต้อง ทำให้เกิดบุคลิกที่สวยงาม เหมาะสม ดูดีเป็นธรรมชาติ จากการยิ้มและการพูดคุย แต่ผลพลอยได้จากการจัดฟัน ก็เกิดขึ้นได้ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและต้นตอของปัญหาเสียมากกว่า

ยกตัวอย่างเช่น การรักษาโดยการจัดฟัน สำหรับผู้ที่ปัญหาฟันยื่นมากๆ จนทำให้บริเวณคางและริมฝีปากของผู้ป่วยมีความอูมหรือนูนผิดปกติ เมื่อรับการรักษาโดยการจัดฟัน และใช้การถอนฟันควบคู่ไปด้วยแล้ว ก็จะทำให้บริเวณคางและริมฝีปาก ดูแบนลงไป ทำให้ใบหน้าและรูปคางมีความเรียว กระชับ ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้นได้ เมื่อรูปหน้าเข้าที่ จมูกที่เดิมถูกกดทับจากรูปหน้าที่ผิดปกติ ก็จะดูเหมือนโด่งขึ้น ทั้งที่จริงๆแล้วก็มีความโด่งเท่าเดิม

หรือในกรณีของเด็กเล็กที่ได้รับการรักษาโดยการจัดฟัน เครื่องมือหรืออุปกรณ์อาจไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติมโตของขากรรไกร ซึ่งทำให้เด็กซึ่งเดิมมีคางที่เล็กและสั้น มีคางที่ดูเด่นมากขึ้น และส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวกระชับมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การรักษาโดยการจัดฟันนั้น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะทำให้ผู้ที่ได้เข้ารับการรักษาดูดียิ่งขึ้น เสริมสร้างบุคลิกภาพและความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน


การจัดฟัน มีกี่ประเภท?

ประเภทของการจัดฟันอาจแบ่งได้ด้วยหลากหลายปัจจัย แต่โดยมากจะแบ่งตามประเภทของเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษา โดยสามารถระบุได้ดังต่อไปนี้

   
1. การจัดฟันโดยเครื่องมือที่เป็นโลหะ หรือการใช้ลวดเหล็ก:
     
    การจัดฟันโดยเครื่องมือที่เป็นโลหะ หรือการใช้ลวดเหล็กนั้น จะพบเห็นได้บ่อย เนื่องจากเป็นวิธีเบสิคมาตรฐานในการรักษาและใช้กันมาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันอุปกรณ์จัดฟันจะมีขนาดเล็กกะทัดรัดลงมากว่าแต่ก่อนอย่างมาก ทำให้ผู้รักษาเกิดความรู้สึกใส่สบาย รู้สึกคุ้นชินได้ง่าย นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านสีสันของยางที่ติดบนเครื่องมือได้อีกด้วยการจัดฟันในรูปแบบนี้ ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีการนัดหมายพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้ง (แล้วแต่กรณี) เพื่อทำการเคลื่อนทิศทางของฟันไปตามแบบแผนที่ทันตแพทย์ได้วางเอาไว้ การรักษาแบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูกกว่าแบบอื่น แต่อาจใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าแบบอื่นเช่นกัน
   

2. การจัดฟันโดยเครื่องมือที่เป็นเซรามิค:
     
    การจัดฟันโดยเครื่องมือที่เป็นเซรามิค มีความคล้ายคลึงกับการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือที่เป็นโลหะ หากแต่ตัวอุปกรณ์ในบางส่วน จะมีความโปร่งแสงและมีความใสมากกว่า ตัวเซรามิคนั้นสามารถทำให้มีสีคล้ายคลึงกับฟันได้ ใช้สำหรับกรณีที่ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องการให้เห็นตัวอุปกรณ์มากนัก นอกจากนั้น ทั้งระยะเวลาในการรักษา หรือขั้นตอนวิธีการ จะคล้ายคลึงกับการรักษาแบบแรกเกือบทั้งหมด แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาจะสูงกว่า
   

3. การจัดฟันโดยเครื่องมือแบบดามอน:
     
    การจัดฟันแบบดามอน จะเป็นการใช้อุปกรณ์พิเศษโดยทำให้การจัดฟันไม่ต้องพึ่งพาการใช้ยางรัด สามารถใช้ลวดในการติดได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นต่างจากแบบแรกและแบบที่สองที่ต้องใช้ยางรัดเป็นส่วนประกอบในการรักษา ด้วยเหตุนี้ ทำให้การจัดฟันแบบดามอน เกิดความเจ็บปวดในการเคลื่อนฟันน้อยกว่า มีความนุ่มนวลในการรักษา รวมถึงช่วยร่นระยะเวลาในการเคลื่อนฟันได้เร็วกว่าได้อีกด้วย
   

4. การจัดฟันแบบใสโดยการใช้ Invisalign:
     
    การจัดฟันในรูปแบบนี้ ถือเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคสมัยปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ลดข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการใช้ชีวิตของผู้เข้ารับการรักษาได้มากที่สุดเมื่อเทียบเคียงกับวิธีอื่นๆ การจัดฟันแบบ Invisalign นั้น ไม่จำเป็นจะต้องติดเครื่องไม้เครื่องมือใดๆกับฟันให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่จะเป็นเพียงอุปกรณ์ที่มีความบาง ใส สามารถใส่หรือถอดได้ด้วยตนเอง เช่น ในเวลาที่ทำความสะอาดหรือแปรงฟัน หรือในตอนที่ต้องการบดเคี้ยวอาหาร ก็สามารถถอดออกมาได้ชั่วคราว ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และได้รักษาฟันให้เกิดความสวยงาม เป็นระเบียบไปพร้อมๆกันแม้ว่าการจัดฟันในรูปแบบนี้ จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับแบบอื่น แต่ผลลัพท์ที่ได้จากการรักษา และความสะดวกสบาย ความสวยงาม และภาพลักษณ์ที่ดูดี แม้ว่าจะอายุมากก็สามารถจัดฟันได้โดยไม่เขินอายกับการยิ้มแล้วเห็นตัวอุปกรณ์ ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า คุ้มราคา สำหรับผู้เข้ารับการรักษาอย่างยิ่งท่านสามารถเรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการจัดฟันใส อินวิสไลน์ ได้ที่นี่


การจัดฟัน มีกี่แบบ ขั้นตอนอะไรบ้าง? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

 

โพสต์ฟรี ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี google ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ประกาศฟรี ขายฟรี ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google