วิธีลดน้ำหนักง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน สำหรับคนขี้เกียจออกกำลังกายสาว ๆ คนไหนที่มีแพลนลดน้ำหนักในหัว แต่ยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะสาว ๆ ออฟฟิศ หมดเวลาไปกับการเดินทางบนท้องถนนก็หมดวัน กว่าจะถึงบ้านก็หมดพลัง ไม่มีแรงออกกำลังกาย แต่ก็ยังเป็นกังวลเรื่องน้ำหนักและอยากจะให้น้ำหนักลดลง วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักง่าย ๆ และสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันมาฝากกันค่ะ บอกเลยว่าทำได้แน่นอน เราจะผอมไปด้วยกัน ถ้าอยากรู้ว่าต้องทำยังไงก็ตามมาดูกันเลย!
ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร
วิธีแรกที่ทำได้ง่าย ๆ เลย ก็คือ การดื่มน้ำ 1 - 2 แก้ว 30 นาทีก่อนกินอาหาร เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น และจะช่วยให้รู้สึกหิวน้อยลง เพราะโดยปกติถ้าร่างกายขาดน้ำ ร่างกายจะส่งสัญญาณไปที่สมองส่งผลทำให้เรารู้สึกหิว ถ้าดื่มน้ำจะช่วยให้อาการหิวน้อยลง และกินอาหารได้น้อยลง
เริ่มมื้อเช้าด้วยอาหารที่มีโปรตีน
มื้อเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักมาก เพราะฉะนั้นการเลือกอาหารเช้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรจะเลือกกินโปรตีนเป็นหลัก เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานเท่ากับแป้ง แต่ถ้าสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก โปรตีนจะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าแป้ง แนะนำให้กินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นม ถั่ว ไข่ไก่ เนื้อปลา แทนอาหารจำพวกแป้ง นอกจากจะอยู่ท้องแล้วยังช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ และลดความอยากอาหารได้อีกด้วย
แต่ถ้าไม่มีเวลาเตรียมอาหาร เลือกเสริมโปรตีนจากพืชแบบไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอลได้ง่าย ๆ แค่ตัก โปรตีน พลัส 2 ช้อน โรยบนเมนูโปรด ไม่ว่าจะเป็นซีเรียล โจ๊ก หรือผสมกับน้ำเย็น ก็ได้รับโปรตีนเน้น ๆ 9 กรัม พร้อมดูอัลเปปไทด์ และผงอโลเวรา ที่มีส่วนในการเสริมการเคลื่อนไหว เหมาะสำหรับสายออกกำลังกายมาก ๆ เลยค่ะ
และสำหรับผู้ที่ต้องการสารอาหารที่เหมาะสม ทดแทนมื้ออาหารได้ สามารถกิน บอดี้คีย์ 1 ซอง เชคกับน้ำ ดื่มแทนมื้ออาหารได้เลย โดยเฉพาะคนที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก ก็ช่วยให้รู้สึกอยู่ท้องและไม่จำเจ เพราะมีให้เลือกถึง 4 รสชาติ ทั้งโกโก้ กาแฟ บานาน่า และมิลค์ที ที่สำคัญคือมีโปรตีนถึง 17 กรัม ให้พลังงาน 220 แคลอรี เป็นมื้อเช้าที่สะดวก และอุดมไปด้วยโปรตีนเลยค่ะ
กินอย่างเป็นระบบ
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะร่างกายของเรามีการทำงานเป็นเวลา ดังนั้นเพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างดี จึงต้องมีการจัดสรรการกินอย่างเป็นระบบ โดยเราจะแนะนำการกิน 2 แบบง่าย ๆ กันค่ะ
แบบแรก คือการนับแคลอรีของอาหารที่กินในแต่ละมื้อ โดยสาว ๆ อาจจะใช้แอปคำนวณแคลอรีมาเพื่อช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีที่กินในแต่ละวัน ให้ตรงกับที่ร่างกายต้องการ
และการกินอีกแบบที่ช่วยให้น้ำหนักลงได้เหมือนกัน ก็คือ การกินแบบ IF (Intermittent Fasting) จะใช้วิธีนับชั่วโมงการกินอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ เช่น 8/16 คือ กินได้ 8 ชั่วโมง และห้ามกิน 16 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งช่วงเวลาที่กินและห้ามกินสาว ๆ สามารถกำหนดเองได้ตามความสะดวก โดยการกินแบบ IF จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้สลายไขมัน และสร้างกล้ามเนื้อได้ค่ะ
เปลี่ยนวิธีกินของว่าง
ของว่างที่หยิบกินเพลิน ๆ เวลาทำงาน อย่างขนมขบเคี้ยว ชานม หรือขนมเค้กต่าง ๆ อาจจะต้องพักไว้ก่อนเลยค่ะ เพราะน้ำตาลที่สูงและแคลอรีมากเกินความจำเป็น จะทำให้การลดน้ำหนักของเราไปไม่ถึงไหน แต่อยากได้ของว่างมากินแก้ง่วง ลองเปลี่ยนมาเป็นอาหารประเภทที่แคลอรีต่ำและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โยเกิร์ต ถั่ว ธัญพืช หรือผลไม้ที่รสไม่หวานมาก จำพวกตระกูลเบอร์รี จะช่วยให้อยู่ท้องระหว่างวัน แถมยังได้ประโยชน์อีกด้วย
เลือกจานให้ถูกแบบ
อีกหนึ่งเทคนิคที่สาว ๆ อาจเก็บไว้ใช้ในตอนที่ทำอาหารกินที่บ้านก็ได้ค่ะ เพราะมีงานวิจัยด้านฟิสิกส์อาหารได้ระบุว่า ขนาดและสีของจาน มีผลต่อความอิ่มในการกินของเราค่ะ โดยให้เราเลือกจานที่ขนาดไม่ใหญ่มาก และเลือกสีจานที่ตัดกับสีอาหารให้มากที่สุด เพื่อที่จะหลอกสมองของเราว่าในจานมีอาหารอยู่ไม่น้อย
เคี้ยวให้ละเอียด
สาว ๆ รู้ไหมคะว่า การเคี้ยวอาหารให้ละเอียด รวมถึงการเคี้ยวช้า ๆ ก็มีผลต่อน้ำหนักของเราได้ค่ะ นั่นก็เพราะว่าการเคี้ยวอาหารอย่างช้า ๆ และละเอียด จะทำให้ความรู้สึกอยากอาหารของเราลดลง อิ่มง่ายขึ้น ที่สำคัญการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดยังดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย น้ำย่อยสามารถย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น พอระบบย่อยอาหารของสาว ๆ ทำงานได้ดี ก็ส่งผลต่อน้ำหนักด้วยค่ะ
ชาเขียวช่วยได้
ชาเขียวเป็นพืชที่ขึ้นชื่อเรื่องสร้างสมดุลให้ร่างกาย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ขอแนะนำให้สาว ๆ จิบชาเขียวที่ไม่ใส่น้ำตาล สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนหรือเย็น เพราะชาเขียวจะช่วยเพิ่มพลังให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น และถ้ายิ่งมีเวลาออกกำลังกายด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยค่ะ แต่แนะนำว่าสาว ๆ ควรเลือกดื่มชาเขียวที่ไม่ใส่น้ำตาลเลย จะยิ่งทำให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น
ขยับตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ
สาว ๆ หลายคนมีเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกายก็คือไม่มีเวลาค่ะ ยิ่งสำหรับไลฟ์สไตล์สาวออฟฟิศที่วัน ๆ นั่งอยู่แต่ที่โต๊ะทำงาน กว่าจะใช้เวลาเดินทางกลับถึงบ้านก็หมดแรงออกกำลังกายแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นสาว ๆ ลองหาโอกาสขยับตัวสักเล็กสักน้อยก็ดีเหมือนกันนะคะ เช่น การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ เดินเท้าแทนการขึ้นรถในระยะทางใกล้ ๆ บิดตัวซ้าย - ขวาตอนนั่งที่โต๊ะทำงานบ้าง ลุกออกมาเดินระหว่างวันบ้าง นอกจากจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้แล้ว ยังทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น กลับมานั่งทำงานได้อย่างมีพลังเลยค่ะ
ใส่ใจการนอนพักผ่อน
อีกหนึ่งกุญแจสำคัญของการลดน้ำหนักที่เรามักมองข้ามกัน ก็คือ การนอนพักผ่อนนั่นเองค่ะ ถ้าอยากให้การลดน้ำหนักเห็นผลมากยิ่งขึ้น ให้ลองปรับพฤติกรรมการนอน จากปกติที่นอนตอนตี 1 ตี 2 ปรับเวลาให้มานอนตั้งแต่ช่วง 4 - 5 ทุ่มแทน แล้วเลือกตื่นสัก 6 - 7 โมงเช้า เพื่อให้ได้ชั่วโมงการพักผ่อนที่เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และควบคุมการเผาผลาญแคลอรีได้ดีกว่าเดิมค่ะ รู้แบบนี้แล้วก็อย่านอนดึกกันเลยจ้า เพราะนอกจากน้ำหนักจะไม่ลงแล้ว ใต้ตาของเรายังดำโบ๋เป็นหมีแพนด้าอีกด้วยค่ะ
