เด็กสามารถจัดฟันเด็ก ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่อายุที่เด็กสามารถเริ่มจัดฟันได้นั้น ไม่ได้มีกำหนดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับ ลักษณะปัญหา และ ระยะการเจริญเติบโต ของเด็กแต่ละคนเป็นหลัก โดยทันตแพทย์จัดฟันจะแบ่งการรักษาออกเป็น 2 ระยะ คือ:
1. การตรวจประเมินเบื้องต้น (Screening/Consultation)
อายุที่แนะนำ: ควรพาเด็กมาพบทันตแพทย์จัดฟันเพื่อตรวจประเมินครั้งแรกตั้งแต่ อายุ 7-8 ปี
เหตุผล: เป็นช่วงที่ฟันน้ำนมเริ่มหลุดและมีฟันแท้ขึ้นมาบ้างแล้ว (ฟันชุดผสม) ทันตแพทย์จะสามารถประเมินการเจริญเติบโตของขากรรไกรและตรวจสอบปัญหาที่ต้องแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้
2. การจัดฟันระยะที่ 1 (Phase I: Interceptive Orthodontics)
เป็นการจัดฟันที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน หรือปัญหาที่หากปล่อยไว้จนโตแล้วจะแก้ไขยาก
อายุที่เหมาะสม: ประมาณ 7 ถึง 10 ปี
เป้าหมาย: แก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกร (เช่น ขากรรไกรแคบ ขากรรไกรยื่น) และจัดการพื้นที่ให้ฟันแท้ขึ้นได้อย่างเหมาะสม
ปัญหาที่ต้องทำในระยะนี้:
ฟันสบคร่อม (Crossbite): โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟันสบคร่อมด้านหน้าหรือด้านข้าง
ขากรรไกรล่างยื่น (Underbite): หรือคางยื่นที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของกระดูก
ฟันยื่นมากเกินไป (Severe Overjet): เพื่อลดความเสี่ยงฟันหน้าหักจากอุบัติเหตุ
การจัดการพื้นที่: ในกรณีที่ฟันน้ำนมหลุดเร็ว และจำเป็นต้องใส่เครื่องมือกันที่ (Space Maintainer)
3. การจัดฟันระยะที่ 2 (Phase II: Comprehensive Orthodontics)
เป็นการจัดฟันเพื่อจัดเรียงฟันแท้ทั้งหมดให้เข้าที่และสบกันอย่างสมบูรณ์
อายุที่เหมาะสม: ประมาณ 10 ถึง 14 ปี (เมื่อฟันแท้ส่วนใหญ่ขึ้นครบแล้ว)
เป้าหมาย: จัดฟันให้เรียงตัวสวยงาม ปรับการสบฟันให้สมบูรณ์ และจัดความสัมพันธ์ระหว่างฟันบนกับฟันล่าง
ข้อดีของการจัดฟันในวัยนี้: เด็กมีความร่วมมือดีขึ้น และขากรรไกรยังมีการเจริญเติบโตที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาได้
สรุป:
ระยะการรักษา อายุโดยประมาณ จุดประสงค์หลัก
ตรวจประเมิน 7-8 ปี ประเมินความผิดปกติของขากรรไกร
ระยะที่ 1 (แก้ไขปัญหาโครงสร้าง) 7-10 ปี แก้ปัญหาขากรรไกรและสร้างพื้นที่
ระยะที่ 2 (จัดเรียงฟัน) 10-14 ปี จัดฟันแท้ทั้งหมดให้เข้าที่อย่างสมบูรณ์
ดังนั้น หากพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ โครงสร้างขากรรไกร ควรเริ่มปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่เนิ่นๆ โดยไม่ต้องรอให้ฟันแท้ขึ้นครบครับ.