การควบคุมอาหารโดยการหลีกเลี่ยงอาหารและขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการรักษาโรคเบาหวาน แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าผลไม้น้ำตาลสูงบางชนิดอาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เช่นกัน โดยการหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้น้ำตาลสูงจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้ดีขึ้น
ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานผลไม้เป็นประจำได้ทุกวัน เพียงแต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัดและจำกัดปริมาณการรับประทานไม่เกินครั้งละ 1 ส่วนต่อมื้อ โดยอาจรับประทานเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อหลัก หรือรับประทานแทนของหวานหลังมื้ออาหาร บทความนี้จึงได้รวบรวมผลไม้น้ำตาลสูง 5 ชนิดที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง และวิธีรับประทานผลไม้ให้ปลอดภัยต่อสุขภาพมาฝากกัน
ค่าดัชนีน้ำตาลกับการเลือกกินผลไม้
ค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI) คือเกณฑ์บ่งบอกระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นหลังรับประทานอาหาร หากรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ค่าดัชนีน้ำตาลแล้ว ผู้ป่วยเบาหวานควรคำนวณค่ามวลน้ำตาล (Glycemic Load : GL) ซึ่งเป็นค่าที่ได้จากการนำปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารที่รับประทานมาคำนวณด้วย ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีค่ามวลน้ำตาลต่ำ หรือค่า GL น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10
ผลไม้ส่วนใหญ่มักค่ามีดัชนีน้ำตาลมีไม่สูงนัก จึงอาจไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ผลไม้บางชนิดมีคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานสูงขึ้นได้
5 ผลไม้น้ำตาลสูง คนเป็นเบาหวานควรเลี่ยง
ตัวอย่างผลไม้น้ำตาลสูงที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง เช่น
1. ลำไย
ลำไยเป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด โดยลำไยสดน้ำหนัก 1 ออนซ์ หรือประมาณ 28 กรัม ให้พลังงาน 17 แคลอรี่ และคาร์โบไฮเดรต 4 กรัม นอกจากนี้ ลำไยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง โดยลำไย 9 ผลประกอบด้วยน้ำตาลมากถึง 3.5 ช้อนชา หากรับประทานลำไยแปรรูป เช่น ลำไยกระป๋องหรือลำไยอบแห้ง จะยิ่งให้พลังงาน คาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลสูงกว่าการรับประทานลำไยสดมาก หากผู้ป่วยเบาหวานรับประทานลำไยในปริมาณมาก อาจทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น
2. ทุเรียน
ทุเรียนประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ใยอาหาร วิตามินบี และวิตามินซี และจัดเป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำเมื่อเทียบกับผลไม้เขตร้อนอื่นๆ แต่กระทรวงสาธารณสุขระบุให้ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากการรับประทานทุเรียนครึ่งเม็ด อาจเทียบเท่าการรับประทานน้ำตาล 2 ช้อนชา
นอกจากนี้ทุเรียนยังให้พลังงานสูง โดยทั่วไปปริมาณพลังงานที่ควรได้รับต่อวันสำหรับผู้ใหญ่อายุ 19–60 ปีอยู่ที่ 1,800–2,200 กิโลแคลอรีสำหรับเพศชาย และ 1,500–1,800 กิโลแคลอรีสำหรับเพศหญิง การรับประทานทุเรียน 1 หน่วยบริโภค หรือประมาณ 155 กรัม อาจให้พลังงานสูงถึง 130–253 กิโลแคลอรี่ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของทุเรียน หากผู้ป่วยเบาหวานรับประทานทุเรียนในปริมาณมากหรือบ่อยครั้ง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลเสียต่อการควบคุมอาการของโรคเบาหวานได้
3. มะม่วงสุก
มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และโฟเลต แต่มะม่วงเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง โดยเนื้อมะม่วง 1 ถ้วย หรือประมาณ 165 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 99 แคลอรี และมีคาร์โบไฮเดรต 25 กรัม นอกจากนี้ มะม่วงสุกจัดเป็นผลไม้ที่ค่าดัชนีน้ำตาลในระดับปานกลาง โดยมะม่วงสุก 1 ผลมีน้ำตาลสูงถึง 45 กรัม ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจึงควรจำกัดปริมาณการรับประทานมะม่วงสุก โดยรับประทานไม่เกิน 1 ส่วนต่อมื้อ เทียบเท่ามะม่วงผลกลางครึ่งผล
ผลไม้น้ำตาลสูงกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน รับประทานได้มากน้อยแค่ไหน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/